War สงคราม
War สงคราม 10 อันดับ “หนังสงคราม” ทำเงินสูงที่สุดในโลก The Eight Hundred หรือชื่อไทยว่า นักสู้ 800 กำลังทะยานขึ้นเป็นหนังสงครามที่น่าจะทำรายได้รวมทั้งโลกเป็นชั้น 1 ของหนังแนวนี้ในท้ายที่สุด แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์จีนแม้กระนั้นก็ได้รับการตอบรับในบ้านอย่างถล่มทลายของปี 2020 ซึ่งเป็นปีวัววิด ในขณะที่หนังทั่วโลกต่างทำรายได้กันอย่างยากเย็นแสนเข็ญ นับจนถึงในช่วงเวลานี้ หนังทำเงินไปแล้วกว่า 441.7 ล้านเหรียญฯ รั้งชั้น 5 ของหนังสงครามทำเงินสูงสุดทั่วโลก War สงคราม ห่างจากอันดับ 1 ไปเล็กน้อยและก็คงจะแซงได้ในอีกไม่นานนี้
แล้วก็หากเอ๋ยถึงหนังสงคราม 10 ชั้นที่ทำรายได้รวมเยอะที่สุดทั้งโลกชั่วนิจนิรันดร์นั้นมีเรื่องมีราวอะไรบ้าง What the Fact ขอนำมาเสนอให้อ่านกัน โดยหนังสงครามในการจัดอันดับนี้ ขอเน้นที่การสู้รบยุคใหม่พักหลังสงครามโลกเป็นต้นมา (จึงมิได้หยิบหนังยุคประวัติศาสตร์ที่ห่างไกลก่อนหน้านั้นอย่างเช่นสงครามกลางเมืองมาด้วย) แล้วก็เป็นหนังที่มีบรรยากาศของการสู้รบเป็นหลัก War สงคราม (ก็เลยมิได้จับ Forrest Gump (1994) หรือ The Curious Case of Benjamin Button (2008) ที่มีฉากการทำศึกเป็นบางช่วงมาจัดลำดับไว้)
อันดับ 10 : Fury (2014)
หนังสงครามที่เล่าผ่านทหารประจำรถถังของผู้สนับสนุนคันหนึ่งที่ฝ่าแนวตั้งรับของนาซีเข้าไปในดินแดนของศัตรูเพื่อเปิดช่องสู่การบุกเยอรมนีในตอนวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของนายสิบ Don ‘Wardaddy’ Collier ที่ได้รับคำบัญชาให้ออกคำสั่งรถถังเชอร์แมนของเขา พร้อมทหารรถถัง 5 นาย บุกทะลวงสู่ดินแดนศัตรูซึ่งเป็นภารกิจลุยผู้เดียวเพื่อเปิดช่องสำหรับการบุกสู่แกนกลางฐานทัพของท้องนาซีเยอรมัน แล้วก็พบว่าต้องพบกับข้าศึกที่มีจำนวนไม่น้อยกว่าพวกเขา ในบรรดาห้าทหารรถถังของเขา มีพลยิงนายใหม่ประจำรถถังที่ชื่อ Norman Ellison เขาไม่เคยฆ่าคน แล้วก็ควรต้องศึกษาเพื่อให้ทั้งหมดรอดชีวิตจากการรบที่ไม่ง่ายที่จะเป็นแบบนั้น
Fury นับว่าเป็นหนังสงครามเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้รถถังจริงมาเข้าฉากกว่า 60 คัน โดยรถถังหลักที่ชื่อฟิวรี่ชื่อเดียวกับหนัง ทีมงานได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑสถานโบวิงตัน ให้นำรถถังรุ่น M4A2 76mm HVSS ที่ยังคงใช้งานได้มาถ่ายทำในหนัง รวมทั้งรวมถึง รถถังไทเกอร์ II ของกองกองทัพเยอรมัน ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยพิพิธภัณฑสถานเหมือนกัน ผู้กำกับต้องการทำหนังรถถังที่สุดยอดที่สุด ถึงขนาดที่ถ้าเกิดมีคนพูดถึงหนังสงครามที่มีรถถังจำเป็นต้องระลึกถึง Fury เกิดเรื่องแรก
อันดับ 9 : The English Patient (1996)
เรื่องราวเรื่องเศร้าความรักของมนุษย์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2ในสมรภูมิแถบแอฟริกาเหนือรวมทั้งอิตาลี ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยฉากเครื่องบินเล็กของอังกฤษตกกึ่งกลางทะเลทรายซาฮารา ด้วยเหตุว่าถูกเหล่าทหารเยอรมันที่ซุ่มอยู่ยิงตก คนภายในเรือบินดูเหมือนจะมีสองคนแม้กระนั้นผู้หญิงที่นั่งอยู่ในส่วนผู้โดยสารตอนหน้านั้นคงจะเสียชีวิตไปแล้ว
ชายผู้ขับเรือบินเพียรพยายามดึงคุณออกมาแม้ว่าตัวเขาก็ดูเหมือนจะไม่รอดเนื่องจากถูกไฟคลอกอยู่ ในที่สุดเครื่องบินที่ตกก็มีเหล่าเบดูอินกลุ่มหนึ่งมาเจอและก็กระทำแยกชิ้นส่วนที่พอจะขายหรือทำประโยชน์ได้ออกไป ชายคนขับเรือบินรอดตายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ถูกไฟคลอกจนกระทั่งหนังกำพร้าถูกทำลายไปหมดสิ้น เขาได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากเบดูอินพวกนั้นและก็ได้รับการรักษาตามแบบชาวทะเลทรายโบราณ
เขาถูกส่งตัวให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในอิตาลี แม้ว่าจะได้รับการดูแลและรักษาจนบาดแผลหายแล้วแต่เขาก็จำอะไรไม่ได้ บริเวณใบหน้าที่ถูกไฟคลอกไปมีเนื้อเกิดใหม่ที่ผิดรูปร่างจนกระทั่งจำไม่ได้ว่าเป็นผู้ใดกัน เมื่อทหารฝ่ายสัมพันธมิตรมาขอข้อมูล เขาก็ให้ได้แค่เพียงว่าเขาบางครั้งก็อาจจะเป็นนักบินเนื่องจากว่าเขาถูกพบในซากเรือบินเขาไม่รู้ชื่อจริงเอง และไม่ทราบว่าตนกำเนิดที่แหน่งใด
รู้แม้กระนั้นไม่ใช่คนเยอรมัน รวมทั้งยังคิดออกอีกเพียงแต่บางสิ่งที่เกี่ยวหญิงที่เขามั่นใจว่าเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น เขาจึงถูกเรียกว่า “คนไข้ผู้ดีอังกฤษ” (ชื่อหนัง) ที่หน่วยพยาบาลนั้น เขาได้รับการดูแลจาก Hana พยาบาลสาวชาวฝรั่งเศส-แคนเนเดี่ยน ผู้ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมาพึ่งได้รับข่าวไม่ดีจากทหารที่กำลังจะตายว่าแฟนของคุณที่ถูกส่งไปรบที่เดียวกับทหารคนนั้นถูกยิงตายไปแล้ว
Hana ตกอยู่ในภาวการณ์จิตตก เธอมั่นใจว่าทั้งผองที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าเธอถูกสาปมาให้ผู้ที่เธอรักต้องตายไปทุกคน แต่คุณก็ได้พลังใจจาก”คนเจ็บชาวอังกฤษ” คนนั้น เมื่อ Hana มีความเห็นว่าผู้ป่วยของคุณไม่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้อีกต่อไป เธอก็เลยยืนยันที่จะอยู่พยาบาลเขาที่สำนักชีร้างแถวนั้นกระทั่งเขาจะตาย แม้บรรดาหมอสนามและเพื่อนพ้องพยาบาลจะห้ามปราม คุณรับรองว่าถ้าคนป่วยคนนี้ตาย คุณจะตามไปในทันที ระหว่างนั้นทั้งคนไข้ผู้ดีอังกฤษรวมทั้ง Hana ก็ค่อยๆฟื้นความจำของเขาได้ และก็เสมือนจะมีความลับดำสนิทบางสิ่งที่ค่อยๆเผยตัวจากการเช็ดกหลบซ่อนจากความจำของชายคนนี้
First They Killed My Father ภาพยนตร์การสังหารหมู่ในกัมพูชา
ภาพยนตร์การฆ่าหมู่ในกัมพูชา ถ้าพูดถึงการฆ่าล้างเชื้อสายหรือการสังหารหมู่ที่มีผู้คนเสียชีวิตเยอะมากๆ โดยมากแล้วพวกเรามักจะระลึกถึงเหตุใดที่เกิดขึ้นในประเทศรวันดาหรือเรื่องราวฆาตกรรมหมู่ชาวยิว แต่ทราบหรือเปล่าว่าในประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเขมรนั้นคราวหนึ่งก็เคยมีเรื่องราวฆ่าหมู่ที่ทำให้คนภายในราชอาณาจักรกัมพูชาเสียชีวิตไปนับล้านคนภายในเวลาเพียงแค่ไม่นาน First They Killed My Father เป็นภาพยนตร์ที่ได้สะท้อนเรื่องราวการสังหารหมู่คราวนี้ผ่านสายตาของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบที่ปัจจุบันนี้คุณได้เติบโตขึ้นแล้วก็แปลงเป็นนักสิทธิมนุษยชน เหตุดังกล่าวข้างต้นนี้เกิดขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้วและก็ยังคงเป็นบาดแผลของชาวเขมรมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
Schindler’s List ภาพยนตร์ขาวดำสะท้อนการสู้รบจากยุค 90
ภาพยนตร์ขาวดำสะท้อนการสู้รบจากยุค 90 สมัย 90 นั้นเป็นสมัยที่เทคโนโลยีกำลังปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์นั้นสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้เป็นภาพสีจากแรกเริ่มที่ในยุคเก่าจำต้องฉายภาพยนตร์ในแบบอย่างภาพถ่ายขาวดำ แม้กระนั้นดูเหมือนกับว่าภาพยนตร์ที่ใช้งานภาพขาวดำนั้นจะมีมนต์ขลังและก็สามารถทำให้คนรับดูเข้าถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
ทำให้ทีมงานผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List ตกลงใจที่จะใช้งานภาพแบบขาวดำหากว่าภาพยนตร์ประเด็นนี้จะฉายในปี 1993 ก็ตาม ภาพยนตร์ประเด็นนี้กล่าวถึงรายละเอียดในสงครามโลกครั้งที่ 1 เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งเป็นที่เอ๋ยถึงอย่างใหญ่โตโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปของเด็กผู้หญิงในชุดปกคลุมสีแดง – เรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List Schindler’s List ภาพยนตร์ขาวดำสะท้อนการรบจากยุค 90
“The Tomorrow War” หนังสงครามอนาคตที่ทำให้พวกเรานึกถึงจอใหญ่ๆ
The Tomorrow War สำเร็จการงานกำกับหนัง Live-Action เรื่องแรกของ คริส แม็คเคย์ ผู้กำกับร่วมจาก The Lego Movie ที่หวนกลับมาร่วมงานกับ คริส แพร็ตต์ อีกที ซึ่งรับบทบาทเป็นอดีตทหารการทำศึกอิรักที่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ เขาดำรงชีวิตอย่างเงียบๆสุขกับครอบครัว จนถึงพบว่าในอีก 30 ปีภายหลังจากนี้ โลกกำลังจะล่มสลาย มนุษย์กำลังจะสูญพันธ์ จากการแพ้การสู้รบกับเอเลี่ยน ทางเดียวที่จะเอาชนะได้ คือการคัดเลือกทหารจากช่วงปัจจุบัน ผ่านเวลาไปรบในอนาคต ซึ่งพระเอกก็เป็นเลิศในสมาชิกหน่วยรบที่กฏเกณฑ์ไปร่วมการสู้รบที่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อน เขาจะสามารถปกป้องรักษาโลกในอนาคต โลกของบุตรหลานเขาได้หรือเปล่า จะต้องไปติดตามกันในหนัง
สิ่งที่น่าเสียดายสุดระหว่างการดู The Tomorrow War คือการที่เราทุกคนไม่ได้ดูหนังประเด็นนี้ในโรงหนัง ด้วยทุนสร้างระดับ 200 ล้านเหรียญฯ (เทียบเท่า Titanic) มันเป็นหนังที่ต้องดูบนหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ดีสุดควรจะเป็น IMAX ด้วย ด้วยงานสร้างฉากแอ็กชั่นที่สเกลออกจะใหญ่มโหฬาร ไม่ว่าจะเป็นฉากใหญ่ฉากแรกกับการศึกสู้กับเอเลี่ยนท่ามกลางเมืองไมอามี่ที่เป็นซากปรักหักพัง
ฉากนี้ใหญ่และก็ละลานตามากมาย กระทั่งเอาเสียดายที่เรากลับได้มองเพียงแค่บนจอทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งฉากอื่นๆในโลกอนาคตที่ทำออกมาได้น่าตื่นตามากๆยิ่งทำให้เป็นว่า การดูหนังในโรงมันได้อรรถรสมากยิ่งกว่าแค่ไหน ข้อดีสุดๆของหนังเป็นเหล่าบรรดาฉากแอ็กชั่นที่ใหญ่มหึมากลุ่มนี้ มันทั้งอลังการ ทั้งตรึงอารมณ์ได้อย่างดี
สิ่งที่ชักชวนให้เราอยากมอง The Tomorrow War มากๆในตอนแรกเป็นพล็อต ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หนังสงครามกับเอเลี่ยนที่เล่นกับเรื่องของเวลา ทำให้เราลุ้นมากมายๆว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่นอกจากฉากแอ็กชั่นแล้ว หนังยังแอบมีปัญหาหลายจุด ทั้งการเล่าเรื่อง การออกแบบงานสร้าง แล้วก็ความยาวของหนังที่ยาวไปพอเหมาะพอควร เริ่มจากการเล่าเรื่อง หนังมากับปมที่น่าดึงดูด
แต่ดูอย่างกับว่าบทจะหาทางออกได้ไม่ดีพอ รวมทั้งมิได้ใส่รายละเอียดให้น่าติดตามไปๆมาๆกกว่านี้ แล้วก็พยายามจะขยี้เงื่อนเรื่องครอบครัวมากเกินจำเป็น (แล้วหลังจากนั้นก็แปลงเป็นข้อสำคัญที่ทำให้หนังยาวเหลือเกิน ทั้งเงื่อนดารานำชายกับพ่อของเขา รวมทั้งเงื่อนผู้แสดงนำชายกับบุตรสาวของเขา จริงๆเลือกขยี้เพียงแค่ประเด็นเดียวก็ได้)