venom ภาค 2
venom ภาค 2 ถ้าหากจะกล่าวจากซื่อตรงจริงก็คือ ไม่ได้รู้สึกเอ็นหน้าจอยกับ Venom: Let There Be Carnage สักเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งส่วนใดบางครั้งอาจจะเพราะเหตุว่าการเล่าเรื่องของหนังทำให้ไมเกรนขึ้นไปชั่วประเดี๋ยว โดยเฉพาะตอนปูเรื่องในครึ่งแรกของหนัง ที่ค่อนข้างจะสกปรกไปสักหน่อย
รวมกับการสื่อสารโต้ตอบกันไปๆมาๆระหว่าง เอ็ดดี้ กับ เวน่อม เสียงที่ตีกันไปกันมาตลอดระยะเวลา ช่างน่ากุมขมับและก็ปวดประสาทหูชะมัดในขณะเดียวกัน บทหนังของ Venom: Let There Be Carnage ก็มากับโครงเรื่องที่ช่างกระจิดริดเสียอย่างยิ่ง มีความเป็นน้ำมากกว่าเนื้อ!! มานะที่จะวางโทนให้ตัวเองเป็นหนังแอคชั่นฮีโร่แนวอาชญากรรมดุดัน แม้กระนั้นโชคร้ายที่ตนเองไม่สามารถที่จะทำไปถึงจุดนั้นได้ และก็ยังมีอีกหลายๆจุดที่หนังไปได้ไม่สุดทาง เปลี่ยนเป็นความขวางๆรีๆและทิ้งผู้ชมเอาไว้อยู่กลางทางอย่างนั้นเอ็ดดี้ บร็อค ในฉบับหนัง Venom เป็นยังไง ?
เรื่องราวของ Venom ในฉบับชายหนุ่ม ทอม ฮาร์ดี้ จะอิงจากหนังสือการ์ตูนสองฉบับคือ Venom: Lethal Protector เล่าในขณะที่ เอ็ดดี้ บร็อค ขอหย่าศึกกับ สไปเดอร์แมนรวมทั้งกลับเนื้อกลับตัวไปช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ในบ้านเกิดของเขาที่ซานฟรานซิสโก ประสมประสานกับ Planet of the Symbiotes
ที่เล่าเกี่ยวกับการบุกรุกของกองทัพปรสิตร้ายซิมไบโอต venomภาค2 ทำให้มีความน่าจะเป็นว่า พวกเราอาจได้มองเห็นคนร้าย คาร์เนจ จากฉบับคอมมิคมาเป็นตัวร้ายหลักของหนัง Venom รวมทั้งต่อสู้กับ เอ็ดดี้ บร็อค ในร่างแอนตี้-วีรบุรุษ เวน่อม ปกป้องเพื่อนร่วมถิ่นฐานบ้านช่องของเขาไว้นั่นเองตัวละคร ติดอยู่เนท&เวน่อม ทำมาเพื่อขยายเรื่องราว ของตัวเองหรือเปล่า
venom 2 นักแสดง ซึ่งนอกเหนือจากตัว ค้างเนท แล้ว เวน่อม ก็ราวกับลืมอะไรไปราวกับ หากยกตัวอย่าง ก็ดัง กัปตันอเมริกา กับ ไอรอนแมน ที่ซัดกันในภาวะสมบูรณ์พร้อม แต่ไม่ใช้ทั้งโล่ ไม่ใช้ทั้งยังพลังงานอาร์ต มันเลยมองหน้าขัดใจ แม้กระนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึก มึนที่สุดมันคือ ตอนจบนั่นเอง ที่มันค่อนจะจำเจจำพวกที่ว่าไม่คิดว่าจะมีหนังเรื่องไหน ใช้สูตรอย่างนี้อีก โชคร้ายนะ เนื่องจากว่ามีความปิติยินดีผู้แสดงนี้ค่อนข้างจะมาก CG ของตัวค้างเนตก็ดูใช้ได้ดูสยอง ฉากออกท่าทางต่างๆก็สวยประเภทที่ว่านำไปเป็น
วอลล์เปเปอร์ได้เลย แม้กระนั้นก็ต้องบอกตามจริงนะว่า ภาพที่พวกเราเห็นในแบบอย่างส่วนใหญ่แล้ว ก็จะเป็นภาพที่เราได้เห็นในหนังนั่นแหละถัดมาก็เป็นใจความสำคัญของตัวหนังเองนั่นแหละ มันเป็นหนังที่รู้สึกสงสัยว่าตั้งอกตั้งใจทำมาเพื่อขยายเรื่องราว ของตนเองหรือไม่ หรือตั้งใจทำมาเพื่อเกาะกระแสเพราะว่า หนังเรื่องนั้นกำลังจะเข้า เพราะเหตุว่าภายหลังจากดูจบแล้ว หนังมิได้มอบอะไรใหม่ๆในฐานะภาคต่อเลย ราวกับคนให้ทุนมีโปรเจคมาว่า ทำ
รีวิว Venom 2ให้หน่อย เอาแค่ตัวหรูๆมาใส่ก็พอทีมดาราหนังของ Venom: Let There Be Carnage จำต้องตบมือให้กับการเล่นสุดตัวของพวกเขา “ทอม ฮาร์ดี้” ยังปฏิบัติหน้าที่ของเขาก้าวหน้า แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเสน่ห์ในนักแสดงนี้ที่เคยได้เห็นในภาคแรกแทบไม่ปรากฏให้มองเห็นในภาคนี้เลย เขากลายเป็นตัวละครจืดๆแบนๆไปเสียอย่างนั้น “วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน”
ได้สวมบทบาทเป็นฆาตกรต่อเนื่องแบบลึกซึ้ง เพียงบทที่ไม่สามารถส่งให้ไปได้สุดทาง จึงทำให้กลายเป็นแค่ค้างแรกเตอร์ที่มีความวัลลาบีอย่างเสมือนองก์โจ๊กเกอร์ก็แค่นั้นตกลงว่านี่บางครั้งก็อาจจะยังไม่ใช่หนังที่สนุกสุดๆแต่ว่าหนังยังคงสร้างอรรถรสเป็นตัวเองก้าวหน้าอยู่เพียงแค่การเล่าเรื่องยังมีปัญหาอยู่เยอะ งานสร้างต่างๆทำออกมาได้ดี แนวทางพิเศษแล้วก็ซีจีวางแบบมาได้น่าทึ่ง venom ภาค 2 แต่ยังไม่สามารถที่จะปลดปล่อยในหลายจุดออกมาในระดับที่ถูกใจ ทำให้หนังความยาวชั่วโมงครึ่งประเด็นนี้เป็นเพียงแต่ความดาดดื่นสำหรับในการรับชมอยู่ก็เพียงแค่นั้น
“เวน่อม 2 ศึกยักษ์แดงเดือด”
ต่อสู้เพื่อปรับนิสัยให้เข้ากับชีวิตใหม่ของเขาในฐานะโฮสต์ของ Venom ซิมไบโอตที่ไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ ซึ่งมอบความรู้ความเข้าใจอันศักดิ์สิทธิ์แก่เขาสำหรับการเป็นศาลเตี้ยอันตราย บร็อคพากเพียรจุดชนวนการยึดครอบครองของเขาด้วยการคุยกับ
Cletus Kasady นักฆ่าตลอดที่เปลี่ยนร่างเป็นโฮสต์ของการฆ่าซิมไบโอตและแหกคุกภายหลังจากการประหารด้วยการทิ้งระเบิด ในปี พ.ศ. 2539 Cletus Kasady อายุน้อยมองเห็นความรักของเขาอย่างอ่อนแอ “Venom 2 Let There Be Carnage” ผู้ซึ่งควบคุมเสียงได้ในระดับ จำกัด ได้ลดระดับบ้าน St. Estes สำหรับเด็กที่ไม่ได้อยากไปยังเวน่อมจะได้ร่วมจักรวาลกับหนังมาร์เวลหรือเปล่า ?
จากความร่วมมือของมาร์เวลและก็โซนี่ใน Spider-Man: Homecoming ทำให้สไปเดอร์แมนมีโอกาสไปอยู่ในกลุ่มอเวนเจอร์ แฟนๆคนจำนวนไม่น้อยเลยแอบลุ้นว่า เราอาจได้มองเห็น เวน่อม โผล่แจมหนังจักรวาลมาร์เวลเช่นกัน เกิดเรื่องน่าเสียดายที่โปรเจกต์หนัง Venom มีโซนี่เป็นผู้ดูแลเพียงแค่ค่ายเดียว แต่ว่าทั้งนี้ มีข่าวซุบซิบออกมาช่วงต้นปีว่า ทอม ฮอลแลนด์ บางทีอาจแสดงตัวใน Venom ซึ่งจะมาในบทของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ไม่ใช่มาดฮีโร่ไอ้แมงมุม บทไม่ต้องอะไรมากมายเลย
ไม่ต้องคิดมาก เสมือนชูมาจากหนังสือวีรบุรุษแบบเบื้องต้นอะไรอย่างงั้นเลย เพียงแค่สลับตัวเอกมาเป็น venom ในฐานะภาคต่อแล้ว มีความรู้สึกว่าทางหนังเรื่องนี้สอบตก แล้วหากมีปริศนาว่าหนังหัวข้อนี้ มีอะไรที่ทำให้มีความรู้สึกว่าตื่นเต้น ที่สุดก็คือ End credit มันตื่นเต้นมากกว่าหนังทั้งเรื่องซะอีก
ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าห้ามพลาดจริงๆเชื่อว่าหลายคนบางครั้งอาจจะเคยได้เห็นที่แหน่งใดมาบ้างแล้วแม้กระนั้นถ้าหากคุณยังไม่เคยเห็นแล้วยังไม่ทราบว่ามันคืออะไร ต้องลองไปดูให้ได้ หนังมันก็ยังสนุกในแบบที่ภาค 1 เป็น แค่ไปดู เล่นมุกใส่กับเอ็ดดี้ เล่นมุกใส่กันเท่านี้ก็คงจะพอเพียงแล้ว มันขึ้นกับที่ความชอบของแต่ละคน ความจำเป็นของแต่ละคน ความหวังของคุณเป็นอย่างไร
ส่วนบางคนคาดหมายกับ Action ตัวร้ายอย่างติดอยู่เนต มากพอสมควร มันก็เลยมีความคิดว่ามันเฟลล์ ไปนิดๆเป็นหนังที่ตามสูตรรากฐานมากจนเกินความจำเป็น venom ภาค 2 แล้วก็ที่สำคัญชายตัวร้ายได้โชคร้ายจริงๆนับตั้งแต่วันที่ Sony Pictures เริ่มติดเครื่องจักรวาลภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของตนด้วยการจับตัวละคร Anti-Hero ชื่อดังจาก Marvel Comics อย่าง เวนอม มาบอกเล่าผ่านภาพยนตร์เรื่อง Venom (2018) ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลามด้วยการกวาดรายได้รวมทั่วทั้งโลกไปกว่า 856 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่เพียงเท่านั้น
หลังจากมีการปล่อยตัวอย่างของ Venom: Let There Be Carnage (2021) และ Mobius (2022) ที่มีการเผยฉากสำคัญๆให้แฟนคลับได้เชื่อมโยงแล้วก็คาดการณ์เรื่องราวก็ยิ่งส่งให้จักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ของ Sony Pictures น่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ(ดังเช่นที่ทุกคนได้เห็นกันไปแล้วในฉากท้าย
เครดิตของ Venom: Let There Be Carnage) แม้กระนั้นถ้าเกิดมองในทางของตัวภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว พวกเราคิดว่า Venom: Let There Be Carnage ยังคงมีความสนุกสนานร่าเริงในต้นแบบของภาพยนตร์ซูเปอร์วีรบุรุษ แต่มิได้เสน่ห์ที่น่าจดจำอยู่พอควร
Venom: Let There Be Carnage บอกเล่าเรื่องราวของ เอ็ดดี้ บร็อก (Tom Hardy) ที่เริ่มจะเคยชินกับการมาดำรงชีวิตร่วมกับ เวนอม ซิมไบโอตจากนอกโลกที่มาสิ่งสู่ตัวเขาในภาคแรกจนแปลงเป็นเรื่องธรรมดากระทั่งวันหนึ่ง เอ็ดดี้จำเป็นต้องเดินทางไปทำข่าวเกี่ยวกับ
คลีตัส คาซาดี้ (Woody Harrelson) ฆาตกรโรคจิตที่ถูกตัดสินคดีประหาร แต่ว่าแล้วเหตุการณ์กลับกลายก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆคลีตัสได้เข้ารังแกเอ็ดดี้และดื่มเลือดของเขา ซึ่งส่งผลให้ คาร์เนจ ซิมไบโอตที่กำเนิดมาจากเวนอมได้เข้าไปในตัวของคลีตัส และช่วยเขาให้หนีออกมาจากเรือนจำได้เสร็จ เอ็ดดี้แล้วก็เวนอมจึงจะต้องร่วมมือกันเพื่อยับยั้งคลีตัสรวมทั้งคาร์เนจเอาไว้
เรื่องย่อ : Venom: Let There Be Carnage
ตัวภาพยนตร์เรื่อง Venom: Let There Be Carnage นั้นบางทีอาจจะเล่าเรื่องราวของ เวน่อม ที่อาศัยอยู่กับ ตัว Eddie Brock แล้วก็อาจจะเชื่อมโยงไปยัง Marvel Spiderman รวมทั้ง venom ภาค 2 หนังอย่าง Mobius ที่มี จาร์เล็ตต เลโต้ นำแสดง โดยตัวร้ายหลักข้างในภาค LET THERE BE CANAGE นั้นหนีไม่พ้นซิมบิโอต สีแดงอย่าง Carnage ศูนย์รวมเข้ากับ ผู้ร้าย โรคทางจิตอย่าง Cletus Kasady
ซึ่งได้ผู้แสดงมากฝีมืออย่าง Woody Harrelson จาก Zombie Land Double Tap มารับบทเป็น Cletus Kasadyจุดแข็งข้อหนึ่งที่เราถูกใจมากมายๆเป็นการที่ผู้กำกับ Andy Serkis เลือกที่จะพาผู้ชมไปสำรวจความรู้สึกนึกคิดเอ็ดดี้รวมทั้งเวนอมให้มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น ชีวิตประจำวันของพวกเขาเป็นแบบไหน การที่มีเวนอมอยู่ในร่างส่งผลต่อชีวิตของเอ็ดดี้เช่นไร
รวมถึงการอยู่ในร่างของเอ็ดดี้มีผลต่อความคิดของเวนอมเช่นไร Venom Let There Be Carnage เวน่อม เล็ท แดร์ บี คาร์เนจประกาศชื่อภาคต่ออย่างเป็นทางการสำหรับภาพยนตร์ชุด Venom ของค่าย Sony Pictures แอนติฮีโร ผู้ชอบเขมือบหัวศัตรูอย่าง venom ภาค 2 โดยภาคต่อนี้ใช้ชื่อว่า Venom: Let There Be Carnage โดยชื่อนี้อ้างอิงถึงผู้แสดงศัตรู ตลอดไปของ เวน่อม นาม Carnage โดยภาพยนตร์ภาคแรกนั้น พวกเราก็ได้มองเห็นตัวละครเจ้าของซิมบิโอตนาม Carnage แว้ปๆอย่าง Cletus Kasady นักโทษแล้วก็ผู้กระทำผิดกฎหมายโรคจิต โดยในภาคนี้นั้น พวกเราได้มองเห็นโฉมของ Carnage อย่างเต็มตา