evil dead rise 2023 พากย์ไทย มาครั้งนี้ทีมสร้างยังสามัคคีมาครบทั้งชุด ทั้ง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) ที่อำนวยการสร้างให้ จิม มิกเคิล (Jim Mickle) มาเป็นโชว์รันเนอร์และเขียนบท รวมถึงนักแสดงเด็กอย่าง คริสเตียน คอนเวรี (Christian Convery) ที่มารับบทน้อนครึ่งกวางนาม กัส ที่เราหลงรักมาตั้งแต่ซีซันแรก
ซึ่งข้อดีคือแม้จะผ่านไป 2 ปีในแง่เวลางานสร้างแต่คุณภาพทุกอย่างยังคงเดิมไม่ได้ลดลงเลย เป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์อีกเรื่องที่พิถีพิถันในเรื่องงานสร้างมากแม้จะเป็นงานไซไฟที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษค่อนข้างมากก็ตามสิ่งที่น่าชื่นชมนอกจากโปรดักชันที่ยังดูดีต่อเนื่อง คือการเล่าเรื่องที่ยังทำได้น่าสนใจอยู่ แม้จะมีหลายเส้นเรื่องของแต่กลุ่มที่ต้องติดตามทั้ง กลุ่มกัสกับเพื่อนครึ่งสัตว์ที่ต้องหาทางเอาตัวรอดจากพวกทหารกลุ่มลาสต์เมนของนายพลแอบบอต
กลุ่มดร.สิงห์ที่ต้องหาคำตอบที่มาของไวรัสเพื่อช่วยชีวิตตัวเองกับภรรยาที่ถูกพวกทหารจับมาเช่นกันกลุ่มพี่เบิ้มกับเอมีที่หาทางเข้าไปช่วยพวกกัส กลุ่มนายพลแอบบอตที่ออกไปหาลาสต์เมนกลุ่มอื่นเพื่อหาทางรอดของโลก กลุ่มของแบร์ที่เจอเพื่อนใหม่ระหว่างเดินทางตามหาแม่ของกัส และสุดท้ายแม่ของกัสที่กำลังเข้าใกล้คำตอบของต้นตอไวรัส
รวมถึงการจะเข้าถึงตัวพ่อค้าอาวุธสงครามระดับโลกอย่างซิมมอนด์สยังอาจต้องใช้ความคลั่งไคล้ในดาราฮอลลีวูดชื่อดังของเขาด้วย ทำให้ทีมของฟอร์จูนต้องงัดกลศึก (หรือภาษาฝรั่งเศสใช้ว่า Ruse de Guerre หรืออุบายสงคราม) โดยไปจับตัวแดนนี่ ดาราบู๊ระดับโลกที่รับบทโดย จอช ฮาร์ตเน็ตต์ (Josh Hartnett) มาเป็นนกต่อเข้าใกล้ซิมมอนด์สอย่างที่เขาก็ไม่เต็มใจไปเสี่ยงอันตราย
ซึ่งพลอตก็ชวนให้นึกถึงหนังหลายเรื่องอย่างล่าสุดก็ ‘The Unbearable Weight of Massive Talent’ (2022) ของ นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) ก็มีอะไรแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับว่าแม้พลอตจะคล้ายให้ชวนนึกถึงหนังหลายเรื่อง หรือจะว่าเป็นหนังเดินตามสูตรขนบสายลับขนาดไหนก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นหนังวายป่วงที่ลายเซ็นริตชีอยู่เต็มไปหมด
ทั้งตัวละครบ้าบอ บทสนทนาที่คมคายและปั่นคนดูไปพร้อมกัน รวมถึงการนำพาสถานการณ์ชวนหัวมากมายมาทำให้เรื่องราวเดินหน้าจะพูดว่ากาย ริตชีทำหนังอะไร มันก็จะกลายเป็นหนังสไตล์ของเขาเองอยู่ดีก็ไม่แปลก ซึ่งในอีกแง่หนึ่งมันก็กลายเป็นการย่ำรอยซ้ำสูตรเดิม ๆ ของริตชีที่เพียงเปลี่ยนธีมของหนังไปเท่านั้น และความยอกย้อนอุบายซับซ้อนที่อุตส่าห์เอามาตั้งเป็นชื่อหนัง มันก็ไม่ได้ลึกล้ำอะไรขนาดนั้นด้วย
evil dead rise 2023 พากย์ไทย โคตรเฮี้ยน ! นี่คือหนังผีที่ฮาร์ดคอร์สุดในรอบหลายปี
ย้อนกลับไปช่วงต้นยุค 80s หนังตระกูล Evil Dead ได้ถือกำเนิดขึ้น เดิมทีมันเป็นเพียงหนังสยองทุนต่ำ จากผู้กำกับที่ไม่มีใครรู้จักมากนัก แต่ด้วยกระแสปากต่อปากที่บอกต่อ ว่านี่คือหนังสยองที่ไม่ประนีประนอมคนดู จัดหนักจัดเต็มแบบไม่เหมืิอนใคร ทำให้ Evil Dead กลายเป็นหนังที่ค่อยๆ ฮิต จนท้้ายที่สุดทำรายได้มากกว่าต้นทุนถึง 8 เท่า และส่งให้ แซม ไรมี่ ผู้กำกับกลายเป็นที่รู้จัก (และกลายเป็นตัวพ่อแห่งหนังสยองจนถึงปัจจุบัน)
จากความสำเร็จของภาคแรก ทำให้ Evil Dead ของแซม ไรมี่ ถูกสร้างต่อจนครบไตรภาค ถูกนำมาสร้างกึ่งๆ รีเมกอีกครั้งในปี 2013 ถูกต่อยอดออกมาเป็นฉบับซีรีส์ใน Ash VS Evil Dead จนกระทั่งล่าสุด แม้เวลาจะผ่านมาเกือบ 40 ปีแล้ว แต่ชื่อชั้นของหนังยังไม่สิ้นสุด จนล่าสุด แซม ไรมี่ และพระเอกต้นฉบับ บรู๊ซ แคมป์เบล ขอจับมือกันมาสร้างหนังภาคใหม่อย่าง Evil Dead Rise ที่แม้เส้นเรื่องจะแยกจากภาคก่อนๆอย่างชัดเจน
ลี ครอนิน มารับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นี่คือว่าเป็นหนังเชิงพาณิชย์เรื่องยาวเรื่องที่ 2 ในเครดิตของเขา หลังจากที่เคยเปิดตัวไปกับหนังสยอง The Hole in the Ground เมื่อ 4 ปีก่อนและได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ธรรมดา โดยนี่น่าจะเป็นหนังสตูดิโอใหญ่เรื่องแรกของเขาด้วย แต่วิสัยทัศน์และมุมมองการทำหนังของเขาก็ยังเต็มไปด้วยลูกเล่นและความสยองสดใหม่ค่อนข้างดี
แม้ว่าจะหนังเพิ่งจะทำการรีบูตไปเมื่อ 10 ปีก่อน แต่กลับมารีเซ็ตใหม่ในครั้งนี้ก็ถือว่าวางเส้นเรื่องกับโครงเรื่องที่ค่อนข้างต่างจากเดิมพอประมาณ ฉบับนี้ถือว่าเซ็ตสตอรี่ที่มีเนื้อหนังและความผูกพันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะยังปะปนไปด้วยสูตรสำเร็จเดิม ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกินจะคาดเดาเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าโชคดีที่จังหวะการเล่าเรื่องและการนำเสนอของหนังยังทำได้ประสบความสำเร็จแต่จิตวิญญาณอันอำมหิตแบบ Evil Dead ยังอยู่ครบ !
ท้ายที่สุดแล้วหลังจบตอนแรก เรื่องราวก็ยังดำเนินต่อไป อความารีนและรูบี้ ลูกของไอดอลชื่อดังผู้โกหกเก่งที่สุดอย่างโฮชิโนะ ไอ ตั้งเป้าเดินตามรอยของผู้เป็นแม่เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง แต่เป้าหมายในการเข้าสู่วงการของทั้งคู่กลับต่างกัน เปรียบตอนแรกเหมือนกับช่วงโหมโรงก่อนเข้าสู่เรื่องราวการต่อสู้ที่แท้จริงของ โฮชิโนะ อความารีนและรูบี้
ตอนที่ 2 เป็นต้นไปความยาวของแต่ละตอนจะอยู่ที่ประมาณ 24 นาที ในตอนนี้เราจะได้เห็นด้านมืดของวงการไอดอลใต้ดิน ความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูกในหลายแง่มุม รวมถึงตัวละครที่เติบโตขึ้น อความารีนเลือกฝึกฝนงานเบื้องหลัง ขณะที่รูบี้มีความฝันอยากเป็นไอดอลเหมือนกับไอให้ได้ จากนี้เรื่องราวของสองพี่น้องจะเป็นอย่างไรต่อรอติดตามกันได้เลย
รีวิว] Transformers: Rise of the Beasts
ผู้เขียนกับท่านผู้อ่านก็น่าจะคิดคล้าย ๆ กันนะครับว่า ภาพจำสุดท้ายของหนังแฟรนไชส์หุ่นยนต์เอเลี่ยนตีกัน ‘Transformers’ ก็คงหนีไม่พ้นฉากที่หุ่นตะน้อนบัมเบิ้ลบี (Bumblebee) เปลี่ยนตัวเองจากรถโฟล์กสวาเกน ไปเป็นรถมัสเซิลคาร์สุดเท่ Chevrolet Camaro ใน ‘Bumblebee’ (2018) คือจำได้แค่นั้นจริง ๆ จะว่าผู้เขียนความจำสั้นก็ได้ครับ แต่ก็ยอมรับสารภาพตรง ๆ เลยว่า แม้จะดูมาครบแล้วทุกภาค
แต่ด้วยความที่หลังจาก ‘Transformers’ (2007) ภาคแรกเข้าฉาย ในภาคต่อ ๆ มา มันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากหนังสงครามหุ่นรบแอ็กชันมันระเบิดตื่นตาในสไตล์ป๋า ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ผสมกลิ่นอายหนังครอบครัวฟีลกู้ดตามสไตล์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) กลายเป็นหนังหุ่นรบขายวิชวลเอฟเฟกต์ ขายระเบิดภูเขาเผากระท่อมวินาศสันตะโร (และขายของเล่น) แบบดาดดื่น
กับมุกตลกล้น ๆ เลอะ ๆ ไร้เสน่ห์ ความไม่สมเหตุสมผลของตัวละคร และเส้นเรื่องยุ่บยั่บวุ่นวายจนไม่รู้จะจับเอาตรงไหนมาจำจริง ๆ (จะมียกเว้นก็ ‘Bumblebee’ ที่มีอาการบทหลุด ๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าดูได้แบบเพลิน ๆ )เปิดเรื่องราวในพาร์ทที่ 2 ด้วยฉากแอ็กชั่นที่โชว์ให้เห็นว่าหน่วยลูกเจี๊ยบในวันนั้นกลายมาเป็นกองพันลูกเทพที่ฝีมือเก่งกาจมากขึ้นแค่ไหนในปัจจุบัน
เราคนดูจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างชัดเจนราวกับว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยที่ผ่านทุกเหตุการณ์ดีและร้ายด้วยกันมาหมาด ๆ การที่ได้เห็นเหล่าตัวละครเติบโตขึ้น คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันแถมยังปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ราวกับว่าสามารถยอมรับสภาพความเป็นจริงที่โลกใบนี้อาจไม่ได้มีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
ผ่านการทำงานเป็นทีมเวิร์คที่ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจนมากขึ้น บางตัวละครก็แสดงออกว่าเป็นนักวางแผนที่ดี บางตัวละครก็เป็นหน่วยจู่โจมที่เก่งกล้า และอีกหลายตัวละครก็เรียนรู้จะกำจัดจุดอ่อนของตัวเอง เพื่อลดการทำตัวเป็นภาระของส่วนรวมให้มากที่สุดผู้เขียนกับท่านผู้อ่านก็น่าจะคิดคล้าย ๆ กันนะครับ
ว่า ภาพจำสุดท้ายของหนังแฟรนไชส์หุ่นยนต์เอเลี่ยนตีกัน ‘Transformers’ ก็คงหนีไม่พ้นฉากที่หุ่นตะน้อนบัมเบิ้ลบี (Bumblebee) เปลี่ยนตัวเองจากรถโฟล์กสวาเกน ไปเป็นรถมัสเซิลคาร์สุดเท่ Chevrolet Camaro ใน ‘Bumblebee’ (2018) คือจำได้แค่นั้นจริง ๆ จะว่าผู้เขียนความจำสั้นก็ได้ครับ แต่ก็ยอมรับสารภาพตรง ๆ เลยว่า แม้จะดูมาครบแล้วทุกภาค
แต่ด้วยความที่หลังจาก ‘Transformers’ (2007) ภาคแรกเข้าฉาย ในภาคต่อ ๆ มา มันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากหนังสงครามหุ่นรบแอ็กชันมันระเบิดตื่นตาในสไตล์ป๋า ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ผสมกลิ่นอายหนังครอบครัวฟีลกู้ดตามสไตล์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) กลายเป็นหนังหุ่นรบขายวิชวลเอฟเฟกต์ ขายระเบิดภูเขาเผากระท่อมวินาศสันตะโร (และขายของเล่น)
รีวิว Crash Course in Romance
บอกเล่าเรื่องราวของนัมฮังซุน (จอนโดยอน) เธอเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติแต่ตอนนี้ผันตัวมาเปิดร้านขายกับข้าว นัมฮังซุนมีบุคลิกที่ดีและมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพื่อให้การทำงานต่างๆ ราบรื่นนัมฮังซุนได้เข้าเรียนที่ศูนย์การศึกษาเอกชนอีกครั้ง ซึ่งที่นี่เป็นที่สำหรับนักเรียนที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย สถานที่แห่งนี้ทำให้นัมฮังซุนได้เจอกับชเวชียอล (จองคยองโฮ)
ชเวชียอลเป็นอาจารย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในศูนย์การศึกษาเอกชนและเขาก็เป็นที่รู้จักในชื่อ Ilta Instructor (ผู้สอนที่ได้รับความนิยม) เขาทำงานหนักและทุ่มเทให้กับการสอนเป็นอย่างมาก แต่ยิ่งเขาประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนไหวและเริ่มไม่แยแสผู้คนมากขึ้น จนเขาได้เจอกับนัมฮังซุนที่มีบุคลิกเชิงบวกอยู่เสมอและทำให้เขาเริ่มตกหลุมรักเธอ
หนังเป็นผลงานกำกับของ ปีเตอร์ ธอร์วาร์ต (Peter Thorwarth) อดีตนักแสดงที่ผันมาเป็นผู้กำกับ แล้วเรื่องนี้ยังพ่วงหน้าที่ร่วมเขียนบทกับ สเตฟาน บาร์ธ (Stefan Barth) และเป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 2 แล้ว ที่ธอร์วาร์ตกำกับให้กับ Netflix เรื่องก่อนหน้านั้นก็คือ Blood Red Sky หนังแวมไพร์บนเครื่องพาณิชย์ ก็เป็นอีกเรื่องที่เล่าเรื่องปีศาจแวมไพร์ในพื้นที่จำกัดได้อย่างสนุกน่าติดตาม
Blood & Gold เล่าเรื่องราวของ ‘ไฮน์ริช’ อดีตทหารนาซีหนีทัพ ที่รอดชีวิตจาการถูกแขวนคอมาได้ เพราะ ‘เอลซา’ สาวชาวไร่ช่วยชีวิตเขาไว้ แล้วนาซีหน่วยเดียวกันนี้ก็ลักพาตัว ‘พอล’ น้องชายของเอลซาไป ทำให้ไฮน์ริชและเอลซาต้องตามมาที่หมู่บ้านที่กองทหารนาซีมาตั้งทัพ เพราะหมู่บ้านนี้มีทองแท่งจำนวนมากที่ครอบครัวชาวยิวทิ้งเอาไว้
กลายเป็นความอีรุงตุงนัง ที่ชาวบ้านและทหารนาซีพยายามจะแย่งชิงทองกัน ขณะเดียวกันไฮน์ริชและเอลซาก็พยายามแก้แค้นเอาคืนกับเหล่าทหารนาซีจอมโฉดแบบดาดดื่น กับมุกตลกล้น ๆ เลอะ ๆ ไร้เสน่ห์ ความไม่สมเหตุสมผลของตัวละคร และเส้นเรื่องยุ่บยั่บวุ่นวายจนไม่รู้จะจับเอาตรงไหนมาจำจริง ๆ (จะมียกเว้นก็ ‘Bumblebee’ ที่มีอาการบทหลุด ๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าดูได้แบบเพลิน ๆ )