dune 2021
dune 2021 หนังใหม่ รีวิวหนัง วิจารณ์หนัง Duneและเราก็ได้ยามเป็นปรากฏชัดเจนต่อสายตากับหนึ่งในโปรแกรมหนึ่งฟอร์มใหญ่รายปีนี้ที่มีผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยรอคอย กับมหากาพย์ไซไฟที่นับมาปัดฝุ่นสร้างใหม่อีกทีใน “Dune” ที่ปรับเปลี่ยนมาจากนิยายภาพเริ่มแรกของ “แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต” ที่เคยถูกสร้างเป็นหนังมาแล้วในปี 1984 ที่ค่อนข้างจะเป็นแถวหนังคัลท์ไซไฟไปสักหน่อย กลับมาโอกาสนี้ด้วยเทคโนโลยีภาพยนตร์ที่นำสมัยขึ้น ก็เลยทำให้งานสร้างต่างๆได้ถูกยกฐานะเจริญขึ้นอีกเป็นกอง แล้วก็นับว่ายิ่งใหญ่สมราคาคุยอยู่
เล่าเรื่อง พอล อะเทรดิส Dune
อัจฉริยะ หนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่เกิดมาพร้อมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจ เขาจำต้องเดินทางไปยังดาวนพเคราะห์ที่อันตรายที่สุดในจักรวาลเพื่อความอยู่รอดแล้วก็อนาคตของครอบครัวรวมถึงผู้คนของเขา หลังถูกรุกรานโดยกองกำลังวายร้ายเอาเปรียบความคาดหวังแก่งแย่งทรัพยากรที่ล้ำค่าเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งสามารถใช้ดึงสมรรถนะที่หลบซ่อนเร้นของมนุษยชาติออกมาได้ และก็มีเพียงแต่คนที่สามารถเอาชนะความหวาดกลัวได้เพียงแค่นั้นที่จะอยู่รอดในศึกคราวนี้หนังประเด็นนี้พวกเราอยากจะเริ่มต้นด้วยการให้คะแนนเต็ม 10 เอาไว้ก่อน
โดยภายหลังจากนี้จะมาไล่เรียงรวมทั้งตัดคะแนนกันไปครั้งละส่วนๆกันดูว่า dune2021 จะยังเพอร์เฟ็คเพียงพอกับการเป็นมหากาพย์หนังไซไฟเรื่องใหม่ให้กับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ได้ไหม เริ่มจากงานสร้างที่จำต้องพูดถึงเป็นลำดับแรก เพราะว่างานโปรดักชั่นดีไซน์ในเรื่องนี้เป็นดีจริงๆหลายองค์ประกอบเห็นได้ถึงความใส่ใจในเนื้อหา แม้ว่าจะเต็มไปด้วยเคล็ดวิธีพิเศษปนเปอยู่เยอะไปหมดก็ตามการออกแบบดาวดวงต่างๆภูมิประเทศของดาวแต่ละดวง ค่อนข้างทำได้ดี ในช่วงเวลาที่องค์ประกอบฉากต่างๆในหนังกว่าร้อยละ 80
เผยถึงความยิ่งใหญ่วิจิตรตระการตาได้สมศักดิ์ ผู้ชมจำต้องรู้สึกว้าวกับหลายรายละเอียดที่ผู้ผลิตใส่เข้ามาอย่างบรรจง การจัดแสงสว่างแล้วก็ใช้โทนสีในหนังทำได้ค่อนข้างดี เหมือนกันกับการสื่อสารผ่านมุมกล้องถ่ายรูปแล้วก็มุมภาพก็ทำได้น่าพึงพอใจ สร้างบรรยากาศโดยรวมมัดใจผู้ชมได้อยู่ ถึงกับขนาดนี้ความแห้งของดาวอาร์ราคิส ยังส่งผลให้รู้สึกอยากดื่มน้ำและคอแห้งผากได้เลย
“เดอนี วีลเนิฟว์” ยังคงมอบ ประสบการณ์
การดูหนังแบบใหม่ๆให้กับผู้ชมได้อยู่ ในช่วงเวลาที่มุมมองของ “เกร็ก เฟรเซอร์” ผู้กำกับภาพในหนังเรื่องนี้ ก็จัดว่าทำออกมาได้เข้าขั้นเพอร์เฟ็ค องค์ประกอบส่วนนี้เกือบจะไม่มีอะไรให้ตัดคะแนนเลย ทุกฉากและก็ทุกสถานที่ในหนังประเด็นนี้ ได้กระทำเซ็โคนอกมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าบางครั้งก็อาจจะมองเป็นเสมือนโรงลิเกไซไฟย่อมๆได้อยู่บ้างก็ตาม แม้กระนั้นหลายๆส่วนทำเป็นออกจะน่าพอใจมาถึงฝั่งดาราหนังใน Dune ที่ขนมาเป็นกองกองทัพและเล่นใหญ่เล่นคืนดีกันทุกคาแรกเตอร์จริงๆที่ไม่พูดถึงอาจจะไม่ได้ก็คือ “ทิโมธี ชาลาเมต์” ที่หัวข้อนี้
เขาเป็นตัวละครที่แบกรับหนังใหญ่ๆทั้งเรื่องเอาไว้ด้วยสารีระหนุ่มร่างบาง แม้กระนั้นเอาก็หามมันเอาไว้ได้ แบบตลอดรอดฝั่งอยู่ ทั้งอินเนอร์และก็ความสามารถพิเศษทางการแสดงของเขาถูกประยุกต์ใช้ในหนังหัวข้อนี้ ถือว่าเป็นผู้แสดงชายหนุ่มรุ่นใหม่ที่ฝีมือจัดจ้าไม่ธรรมดาจริงๆโดยเฉพาะกับซีนอารมณ์ที่จำต้องเล่นกับตนเอง ทำให้ผู้ชมขนลุกได้อยู่หมัดดาราหนังสมทบผู้อื่นก็นับว่ามีหน้าที่ไม่น้อยหน้า
เพราะว่าหนังก็สร้างมิติที่น่าดึงดูดให้กับพวกเขาเอาไว้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “รีเบ็กก้า ฟูเกอร์สัน” กับบทแม่ที่ออกจะน่าสนใจอยู่ไม่น้อย หรือจะเป็น “ออสการ์ ไอแซก”, “หน้าจอช โบรลิน”, “เจสัน โมโมอา”, “สเตลแลน สการ์สการ์ด” หรือ “เซนดายา” ล้วนแล้วแต่เป็นติดอยู่แรกเตอร์ที่มีความเฉพาะบุคคลในแบบตัวเอง รวมทั้งบทได้ส่งเสริมความน่าค้นหาให้กับผู้แสดงของพวกเขาแม้กระนั้นด้วยเหตุว่า Dune เป็นหนังที่ส่วนประกอบของตัวละครที่ค่อนข้างเยอะแยะ
แม้ว่าหนังจะกินเวลาไปยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง แม้กระนั้นก็อาจจะเป็นผลให้ผู้ชมจดจำตัวละครรองอื่นๆยังไม่ค่อยจะได้ ส่วนหนึ่งส่วนใดก็น่าจะเป็นเนื่องจากศัพท์รวมทั้งชื่อเรียกต่างๆในหนังเป็นคำศัพท์ภาษานิยายไซไฟล้วนๆไหนจะชื่อเรียกของวัตถุนั้น บัญญัติศัพท์ของวัฒนธรรมนี้ กลายเป็นคำแปลกประหลาดที่ทำให้ผู้ชมบางครั้งก็อาจจะยังเข้าไม่ถึงได้ เป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งในหนังที่จำต้องเสียคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย
รีวิว Dune (2021)
Dune (2021) มองนประเภทหนัง : แอคชั่น , ไซไฟผู้กำกับ : เดอนีส์ วิลเนิฟดารานำ : ทิโมธี ชาลาเมต์, ออสการ์ ไอแซค, จอช โบรลิน, สเตลแลน สการ์สการ์ด, เดฟ บาทิสต้า, สตีเฟ่น แมคคินลีย์ เฮนเดอร์สัน, เซนดายากำหนดฉาย 30 ก.ย. 2021 ช่องทางรับดู : HBO Max
เรื่องย่อ ไม่ว่าคุณจะเชื่ออะไร โลกกำลังเปลี่ยน แล้วก็เราจำเป็นต้องปรับนิสัย พอล อาทรีเดส ผู้สืบสกุลอัจฉริยะเจ้าของพรสวรรค์อันล้ำค่า ผู้เกิดมาพร้อมด้วยชะตาชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่เกินกว่าใครต่อใครจะหยั่งถึง เขาจำต้องเดินทางไปยังดาวพระเคราะห์ที่อันตรายที่สุดในจักรวาลเพื่อคุ้มครองป้องกันอนาคตของครอบครัว และก็ผู้คนจากการถูขลุกรานโดยกองทัพร้าย ที่สร้างความไม่ลงรอยกันไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ด้วยเหตุว่าปรารถนาแย่งชิงทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดที่เคยมีมา ซึ่งก็คือเครื่องเทศที่มีสรรพคุณวิเศษ สามารถปลดล็อกจิตใจดึงพลังซ่อนเร้นอำพรางในตัวมนุษยชาติออกมาได้ แม้กระนั้นศึกคราวนี้มีเพียงผู้เอาชนะความกลัวแค่นั้นที่อยู่รอดประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่มีต่อ ‘Dune’ ในฉบับของผู้กำกับเดวิด ลินช์ (David Lynch)
อาจหนีไม่พ้น คำว่าเหวอแตกแล้ว ก็ง่วงงุน !
แม้ว่าจะเห็นด้วยว่าหนังฉบับปี 1984 ที่ประเทศไทยอุตส่าห์ตั้งชื่อว่า ‘สนามรบแรงวจักรวาล’ จะมีความทะยานอยากและก็งานโปรดักชันที่ดูไม่อัปลักษณ์เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการผลิตที่ยังไม่รุดหน้าเท่าตอนนี้ จนกระทั่งส่วนตัวเองก็เชื่อไปแล้วว่านิคุณยายหัวข้อนี้ของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert)
อาจไม่ได้เป็นอะไรที่ง่ายดายและน่าจะเป็นยาขม ไม่น้อย สำหรับผู้ใด ที่คิดจะถือมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แม้กระนั้น และมีคนลองดีจนได้ แล้วก็การตลาดก็ปั้นหน้าหนังซะกลายเป็นไซไฟ เสี่ยงอันตรายเกินหน้าเกินตาความเซน (Zen) ของนิยายไปหลาย ช่วงตัวแต่ในเมื่อมีชื่อของ เดอนีส วิลล์เนิฟว์ (Denis Villeneuve)
ผู้กำกับชาวแคนาดาที่ฝีมือไม่ธรรมดาหยิบมาทำหนังอาจยากที่จะยับยั้งใจไม่ให้ลองของกันอีกสักทีจุดเริ่มแรกเรื่องราวของ ‘Dune’ เป็น”สไปซ์”ทรัพยากรทรงคุณค่าแห่งดาวอาร์มลทินสที่เดิมจักรพรรดิ์พาดิชาห์เคยให้ตระกูลฮาร์คอนเนนดูแลและทำหน้าที่สกัดสไปซ์ส่งออกให้ผู้กุมอำนาจ แต่แล้ววันดีคืนดีจักรพรรดิ์ก็มอบหมายให้เชื้อสายอเทความยินดีส
Owen Gleiberman จาก Rotten Tomatoes
อันสูงส่งเดินทางไปดูแลหัวเมืองอย่างอาร์ความมัวหมองสรวมทั้งผลิตสไปซ์ป้อนเข้าศูนย์กลาง แต่ว่าโดยความเป็นจริงแล้วมันคือแผนของจักรพรรดิ์ที่อยากได้รวบอำนาจและก็กำจัดคู่แข่งด้านการเมืองอย่าง เลโท อเทความยินดีส (รับบทโดยออสการ์ ไอแซค Oscar Isaac)
รวมถึงเหล่าฟรีเมนผู้ครองทะเลทรายแห่งอาร์ราคินสให้สิ้นซากโดยความคาดหวังเดียวของดาวอาร์ความมัวหมองสฝากไว้ที่ พอล อเทรติส (หนโมธี ชาลาเมต์ Timothée Chalamet) บุตรของเลโทที่ถูกฝึกให้ใช้วิชาที่เสียงจาก เจสสิกา อเทความชอบใจส (รีเบคกา เฟอร์กูสัน Rebecca Ferguson) สนมเอกของเลโทรวมทั้งแม่ของพอลที่สืบทอดลัทธิเกสเซอริต
กลุ่มสตรีมีอานาจรอชักใยความเป็นไปทางการเมืองโดยอาศัยมนตร์ดำ แล้วก็โดยปริยายที่พอลจะแปลงเป็นกลุ่มผู้ถูกเลือกที่ชาวฟรีเมนเชื่อมาตลอด แต่มหาศึกคราวนี้ไม่่ง่ายและยิ่งโหดหินเมื่อ บารอนวลาดิเมียร์ ฮาร์คอนเนน (สเตลลาน สการ์สการ์ด Stellan Skarsgard) และก็กองทัพจ้องขยี้กองทัพของอเทรดีสและก็ยึดอาร์มลทินสด้วยความชั่วร้าย
“นี่เป็นเลิศ ในรูปภาพยนตร์ไซไฟ แฟนตาซี สุดยิ่งใหญ่ มันโดดเด่นมาก สำหรับในการสร้างโลก ที่สุดยอด แม้กระนั้น ยังไม่ใช่กับการเล่าเรื่อง โดยรวมแล้ว ‘Dune’ เป็นภาพยนตร์ระดับ 5 ดาว สำหรับ ในการสร้างโลก ของภาพยนตร์ แต่ได้ 2.5 ดาว สำหรับการเล่าเรื่อง”
Scott Collura จาก IGN
“ภาพยนตร์ใช้เทคนิคการสร้างที่ยอดเยี่ยม, งานภาพสุด อัศจรรย์, กลุ่มผู้แสดงระดับยอดเยี่ยม แล้วก็คอนเซปต์ไซไฟสุดล้ำลึก แต่โชคร้ายที่ครึ่งหลังของภาพยนตร์นั้นยืดเกินไป” Richard Lawson จาก Vanity Fair “วีลเนิฟว์ เสียโอกาสที่จะรีเซ็ตโลกของ ‘Dune’ ขึ้นมาใหม่จากเวอร์ชันที่ราวกับหายนะเมื่อปี 1984 ของ เดวิด ลินช์ (David Lynch)
แล้วก็ชมเชยวรรณกรรมของ เฮอร์เบิร์ต อย่างสมสง่า ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากรายละเอียดมากมายที่ เฮอร์เบิร์ต เขียนไว้นั้นยากที่จะนำทั้งหมดทั้งปวงมาใส่เอาไว้ข้างในภาพยนตร์ น่าเสียดายที่ ‘Dune’ ยังไม่ถึงระดับสุดยอดเหมือนที่ วีลเนิฟว์ เคยทำเป็นกับ ‘Arrival’”